1. ควรตรวจสุขภาพตา เป็นประจำทุกๆ 2-4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1-2 ปี
2. ควรใช้สายตาในที่มีแสงสว่างเพียงพอ และ หลีกเลี่ยงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องนั่งหน้าคอม หรือ อ่านหนังสือนานๆ ก็ให้หยุดพักประมาณ 15-20 นาที แล้วมองไปไกลๆ หรือมอง ต้นไม้สีเขียวก็ได้ เพราะสีเขียวเป็นสีโทนกลางซึ่งเมื่อเรามองแล้วจะรู้สึกสบายตา ทำให้ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาค่ะ
3. สวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่ที่มีแสงจ้า และหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง เพราะจะทำให้ตาแห้ง
4. หลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา โดยเฉพาะการขยี้ตาแรงๆ จะทำให้ดวงตาเกิดริ้วรอยและหย่อนคล้อย แต่ถ้าคันจริงๆให้ ลองใช้ปลายนิ้วค่อยๆคลึงเบาๆบนเปลือกตาแทนการขยี้ตาจะดีกว่านะค่ะ และอย่าใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางค์ที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้
5. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดง หรือดูอิด โรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาวางไว้บนเปลือกตา ทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
6. ไม่ควรหยอดตาบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น เพราะนัยน์ตามีน้ำหล่อเลี้ยงธรรมชาติอยู่ การหยอดตาหรือล้างตาบ่อยๆ จะทำลายภูมิคุ้มกันของน้ำตาให้หมดไป ซึ่งอาจจะยิ่งเกิดความระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
7. ควรบริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวง กลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบ 1 รอบแล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำๆกัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบางๆ นำมาแปะไว้ บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
8. การนอนอย่างเพียงพอ เป็นการพักผ่อน สายตาที่ดี ห้ามอดนอน เพราะจะทำให้ดวงตาดูหมองคล้ำไม่น่ามอง และอย่าพยายามนอนคว่ำหน้านะค่ะเพราะจะทำให้หน้ายับซึ่งเป็นเหตุของการเกิด ริ้วรอยค่ะ
9. การแต่งหน้า อาจทำให้เกิดถุงใต้ตาและรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำ ให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ และต้องมีเนื้อ ครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
10. การทำความสะอาดรอบดวงตา ควร ทำความสะอาดผิวรอบด้วยตาให้สะอาดและทำอย่างละมุนละไม อย่าเช็ดแรง และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ด้วยการใช้สำลีชุปผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด รอบดวงตา เช็ดผิว โดยการปัดลงเบาๆไปในทิศทางเดียวกัน โดยเริ่มจากบริเวณโหนกคิ้วถึงปลายตา จากนั้น ใช้สำลีปัดขึ้นจากขอบตาบน จนถึงปลายคิ้วแล้วทำซ้ำจนกว่าจะไม่เหลือคราบเครื่องสำอางค่ะ
11. ควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ประมาณ วันละ 8 แก้วหรือประมาณ 2 ลิตรค่ะ เพราะนอกจาก ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสแล้ว น้ำยังทำให้ผิวพรรณของเราดูชุ่มชื่นด้วยนะค่ะ
12. งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกลอฮอล์ เพราะ จะทำให้ผิวแห้งและดูหย่อนคล้อย ลองสังเกตุ ดูนะทุกครั้ง หลังดื่่มแอลกลอฮอล์จะรู้สึกได้ว่าร่างกายขาดน้ำและจะรู้สึกได้ว่าหน้าเราดู แห้งเหี่ยวค่ะ
อาหารเสริมเพื่อดวงตาที่สดใส
1. รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ในปริมาณสูง
เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลาย จอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอ ประสาทตาเสื่อมได้ อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆดีกว่า
2. รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)
ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งมีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพ และจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูก ทำลาย โดยการต้านอนุมูลอิสระ พร้อม ทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา
3. รับประทานสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือรับประทานปลา ชนิดต่างๆ
รู้กันอย่างนี้แล้ว ก็อย่าช้า!! รีบกลับไปดูแลรักษาดวงตาของเราเพื่อความสวยงามและสดใส พร้อมทั้ง บ่งบอกถึงความมีสุขภาพกายที่ดีและยังทำให้เราเป็นที่น่าสนใจของเพศตรงข้าม ได้อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น